วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วัตถุมงคล หลวงพ่อเกลี้ยง อินฺทสโร รุ่น 2

เหรียญรุ่น 2 ทยอยออกมา ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2510 กว่าๆ ได้แก่ เหรียญเสมา มี 2 เนื้อ คือเนื้อทองแดงและเนื้ออัลปังก้า และพระสมเด็จวัดเขาใหญ่



วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วัตถุมงคล หลวงพ่อเกลี้ยง อินฺทสโร


เหรียญหลวงพ่อเกลี้ยง (รุ่นที่ 1) หรือเหรียญใบพุทรา มี 2 เนื้อ ได้แก่ เนื้อทองแดงรมดำ และเนื้ออัลปาก้า สร้างขึ้นประมาณปีพุทธศักราช 2500 

เนื้อทองแดงรมดำ 
เนื้อทองแดงรมดำ 



เนื้ออัลปาก้า

ประวัติพระครูอินทรสรวุฒิคุณ (ตอนที่ 2)


พรรษาที่ 3 ถึง 5 จำพรรษาวัดคร้อพนันอยู่รับใช้ปรนนิบัติหลวงพ่อใช้ พอพรรษาที่ 6 หลวงพ่อใช้ได้ล้มป่วยด้วยโรคขรา หลวงพ่อใช้ได้พร่ำสอนหลวงพ่อ เกลี้ยง โดยให้คติธรรมโรคอื่น ๆ หาหมอพอรักษา ต่โรคชรา หมดทางแก้ไข รรษาที่ 7 หลวงพ่อใช้ได้สอนไว้ เรื่องความตายเป็นธรรมดา สังขารไม่เที่ยงแท้ มีแต่ทรุดโทรม แม้ท่านป่วยยังเอ่ยสอนธรรมธรรมะ หลวงพ่อใช้ท่านมีสติดีไม่หลงลืม ท่านได้กำหนดวันตายไว้ พจถึงตอนปลายปีท่านได้จากไปตามว่าไว้จริง ออกพรรษาจัดงานศพหลวงพ่อใช้ใด้เสร็จครบถ้วน ก่อนตายหลวงพ่อใช้ได้สั่งไว้ว่ามื่อท่านสิ้นแล้วให้ไปพาอาจารย์ชื่น วัดปากบาง ตำบลพงตึก อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบรี ซึ่งอยู่ไมไกลจากวัดคร้อพนันอยู่คนละฝังแม่น้ำ เมื่อหลวงพ่อเกลี้ยงมาถึงวัดปากบางอาจารย์ชื่นได้รับหลวงพ่อเกลี้ยงเป็นศิษย์ เพราะก่อนหน้านั้นได้รับปากหลวงพ่อใช้เอาไว้แล้ว หลวงพ่อเกลึ้ยงได้ศึกษาพุทธาคมจากอาจารย์ชื่น ด้วยความวิรยะ อุตสาหะ อาจารยชี่น ชื่นชมว่าหลวงพ่อ เกลี้ยงเรียนได้ไวเพราะมีพื้นฐูานดีอยู่เล้ว จึงถายทอดวิชาให้ทุกสิงทุกอย่างไม่ปิดบังหลวงพ่อเกลี้ยงได้อยู่รับใช้และศึกษาวิชากับอาจารย์ชื่น ถึง 5 ปี ตั้งแต่พรรษาที่ 8 ถึง 12 เมื่อศึกษาวิชาอาคมจากอาจารย์ชื่นจนจบ ตั้งใจจะลาพระอาจารย์กลับวัดคร้อพนัน ถิ่นบ้านเกิด พอย่างเข้าเดือน 5 ชาวบ้านเขาใหญ ตำบลโคกตะบอง อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากวัดปากบาง ประมาณ 4 กิโลเมตร ได้มาหาอาจารย์ชื่นเพื่อขอพระมาอยู่ดูแลจัดการวัดเขาใหญ่เป็นสมภารเจ้าวัด าจารย์ชื่นเห็นพระเกลี้ยงศิลย์รักของท่านมีความเหมาะสม เชี่ยวชาญเวทย์มนต์คาถา พอที่จะเป็นที่พึงแกชาวบ้านได้ หลวงพ่อชื่นจึงบอกให้ชาวบ้านเขาใหญ่กลับไปก่อน เมื่อถึงกำหนดชาวบ้านเขาใหญ่ได้มานิมนต์หลวงพอเกลี้ยง
ไปเป็นสมภารวัดเขาใหญ่ หลวงพ่อเกลี้ยงจึงได้กับลาอาารย์ชื่น
เมื่อมาถึงวัดเขาใหญ่ ขณะนั้นยังไม่มีพระอุโบสถ มีเพียงกฏิเพียง 2 หลัง หลังจากนั้นหลวงพ่อเกลี้ยงท่านได้มาพัฒนาโดยดำเนินการก่อสร้างเสนาสนะภายในวัด ศาลาการเปรียญ หอระฆัง พระอุโบสถ เมรุฌาปนกิจศพโรงเรียนระบาล ฯลฯ หลวงพอเกลี้ยงอยู่วัดเขาใหญ่ได้ 3 พรรษาโยมพ่อได้ถึงแก่มรณภาพท่านจึงได้กลับมาจัดงานศพที่วัดคร้อพนัน พอเสร็จงานได้กลับวัดเขาใหญในปี พ ศ 2494 สร้างโรงเรียนประชาบาล เพื่อเให้ลูกหลาน ของชาวบ้านเขาใหญ่และหมู่บ้านใกล้เคียงได้เล่าเรียน เพื่อความเจริญก้าวหน้า
พ ศ 2500 สร้าง ศาลาการเปรียญ ศาลาเอนกประสงค์เพื่อประกอบการบุญการกุศลของชาวบ้าน เขาใหญ่ พ ศ 2503 สร้างกุฏิสงฆ์และปีต่อมาได้ขุดสระน้ำ เพื่อวางรากฐานการสร้างพระอุโบสถพอถึงปี พ ศ 2510 โยมเม่ของหลวงพ่อเกลี้ยงได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา หลวงพ่อเกลี้ยงท่านต้องกลับมาจัดงานศพของโยมแม่มที่วัดคร้อพนัน อีกครั้งหนึ่งนับว่าหลวงพ่อเกลี้ยงเป็นผู้มีความกตัญญูรู้คณผู้มีพระคุณ เมื่อโยมบิดามารดาเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านจะมาคอยดูแลรักษาโดยตลอด จนกระทั่งโยมบิดามารดาถึงแก่กรรมท่านก็จัดงานศพโดยเรียบร้อย นอกจากเป็นผู้มีความกตัญญูแล้ว ท่านยังเป็นผู้มีความเมตตาอย่างยิ่ง ต่อผู้มีความเดือดร้อน ด้วยคุณงามความดีทีหลวงพ่อเกลี้ยงได้สร้างสมในปี พ ศ 2515
หลวงพ่อเกลี้ยงได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ที่ พระครูอินทรสรวุฒิคุณ ปี พ ศ 2520 ทางวัดเขาใหญได้จัดงานฉลองพระอโบสถผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต ชึ่งพระอุโบสถนี้หลวงพ่อเกลี้ยงได้ออก แบบก่อสร้างได้อย่างสวยงามมาก ประตูและหน้าต่างพระอุโบสถแกะจากไม้สักลวดลายฉลุเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัต หน้าบรรณพระอุโบสถด้านบนเป็นพระปางนาคปรก ด้านล่าง
พระนารายณทรงโค
หลังจากงานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต หลวงพ่อเกลี้ยงมีสุขภาพอ่อนแอ เนื่องจากตรากตรำงานหนักนับแต่รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดขาใหญ่ ซึ่งการสร้างเสนาสนะภายในวัดหลวงพ่อเกลี้ยงท่านตั้งใจสร้างด้วยความพากเพียร ตัดไม้เอง เลื่อยไม้เอง เมื่อย่างเข้าสู่วัยชราเกิดโรคเเทรกซ้อนเป็นเวลา 1 ปี มีอาการหนัก ลูกศิษยจึงนำท่านส่งโรงพยาบาล แต่อาการมีต่ทรงและทรุดหนักลง หลังจากรักษาอยู่ 1 ปีครึ่ง ลูกศิษย์จึงนำหลวงพ่อเกลี้ยงกลับวัดเขาใหญ่โดยมีลูกศิษย์คอยดูแลปรนนิบัต เเต่ด้วยวัยชราหลวงพ่อเกลี้ยงได้มรณภาพด้วยอาการสงบ ณ วัดเขาใหญ่ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ ศ 2525 คงเหลือแต่ความดีที่ท่านได้สร้างไว้ รวมสิริอายุ 82 ปี 63 พรรษา
ข้อมูลดีๆ อ้างอิงจากหนังสือ กระแสพระ ปีที่ 4 ฉบับที่ 47 เดือนสิงหาคม 2549 ขอบคุณครับ