วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วัดเขาใหญ่ในวันนี้

ป้ายชื่อวัด


















สภาพบริเวณภายในวัดเขาใหญ่

พระอุโบสถ


วัดเขาใหญ่

ศาลาธรรม

ศาลาการเปรียญ

ศาลารูปเหมือนหลวงพ่อ

สภาพภายในศาลา

รูปหล่อหลวงพ่อเกลี้ยง

รูปหล่อพระครูไล้

รูปหล่อหลวงพ่อแถม
ร่วมทอดกฐินสามัคคี วันที่ 25 พ.ย. 2555

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คาถาชินบัญชร

คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ
ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง
ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ
ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วระลึกถึงหลวงปู่โตและตั้งคำอธิษฐานแล้วเริ่มสวด

  • เริ่มสวด นโม 3 จบ

    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

  • นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐาน

    ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง
    อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตังสุตตะวา
    อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
    มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ


  • เริ่มบทพระคาถาชินบัญชร
    1. ชะยาสะนากะตา พุทธา       เชตวา มารัง สะวาหะนัง
      จะตุสัจจาสะภัง ระสัง         เย ปิวิงสุ นะราสะภา.

    2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา      อัฏฐะวีสะติ นายะกา
      สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง       มัตถะเกเต มุนิสสะรา.

    3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง        พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
      สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง      อุเร สัพพะคุณากะโร.

    4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ        สารีปุตโต จะทักขิเณ
      โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง    โมคคัลลาโน จะ วามะเก.

    5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง       อาสุง อานันทะ ราหุโล
      กัสสะโป จะ มะหานาโม      อุภาสุง วามะโสตะเก.

    6. เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง        สุริโย วะ ปะภังกะโร
      นิสินโน สิริสัมปันโน          โสภิโต มุนิปุงคะโว


    7. กุมาระกัสสโป เถโร           มะเหสี จิตตะ วาทะโก
      โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง       ปะติฏฐาสิคุณากะโร.

    8. ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ          อุปาลี นันทะ สีวะลี
      เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา        นะลาเต ติละกา มะมะ.

    9. เสสาสีติ มะหาเถรา            วิชิตา ชินะสาวะกา
      เอเตสีติ มะหาเถรา            ชิตะวันโต ชิโนระสา
      ชะลันตา สีละเตเชนะ           อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.

    10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ            ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
      ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ         วาเม อังคุลิมาละกัง

    11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ         อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
      อากาเส ฉะทะนัง อาสิ           เสสา ปาการะสัณฐิตา

    12. ชินา นานาวะระสังยุตตา         สัตตัปปาการะ ลังกะตา
      วาตะปิตตาทะสัญชาตา          พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.

    13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ            อะนันตะชินะ เตชะสา
      วะสะโต เม สะกิจเจนะ          สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.

    14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ           วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
      สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ        เต มะหาปุริสาสะภา.

    15. อิจเจวะมันโต            สุคุตโต สุรักโข
      ชินานุภาเวนะ           ชิตุปัททะโว
      ธัมมานุภาเวนะ          ชิตาริสังโฆ
      สังฆานุภาเวนะ          ชิตันตะราโย
      สัทธัมมานุภาวะปาลิโต   จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.


    คำแปล
  1. พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์
    ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ
    อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์

  2. มี ๒๘ พระองค์คือ พระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น

  3. ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ
    พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง
    พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก

  4. พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา
    พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง

  5. พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา
    พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย

  6. มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง
    อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง

  7. พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ
    มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ

  8. พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี
    พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก

  9. ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส
    เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน
    รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่

  10. พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา
    พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง

  11. พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร
    เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ

  12. อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้
    ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง
    สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น

  13. ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ
    เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม
    แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน
    อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น
    เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ

  14. ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น
    จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร
    ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล

  15. ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม
    จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า
    ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ
    แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ 

อ้างอิงจาก http://www.84000.org ขอบคุณมากครับ

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วัตถุมงคล หลวงพ่อเกลี้ยง อินฺทสโร รุ่น 2

เหรียญรุ่น 2 ทยอยออกมา ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2510 กว่าๆ ได้แก่ เหรียญเสมา มี 2 เนื้อ คือเนื้อทองแดงและเนื้ออัลปังก้า และพระสมเด็จวัดเขาใหญ่



วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วัตถุมงคล หลวงพ่อเกลี้ยง อินฺทสโร


เหรียญหลวงพ่อเกลี้ยง (รุ่นที่ 1) หรือเหรียญใบพุทรา มี 2 เนื้อ ได้แก่ เนื้อทองแดงรมดำ และเนื้ออัลปาก้า สร้างขึ้นประมาณปีพุทธศักราช 2500 

เนื้อทองแดงรมดำ 
เนื้อทองแดงรมดำ 



เนื้ออัลปาก้า

ประวัติพระครูอินทรสรวุฒิคุณ (ตอนที่ 2)


พรรษาที่ 3 ถึง 5 จำพรรษาวัดคร้อพนันอยู่รับใช้ปรนนิบัติหลวงพ่อใช้ พอพรรษาที่ 6 หลวงพ่อใช้ได้ล้มป่วยด้วยโรคขรา หลวงพ่อใช้ได้พร่ำสอนหลวงพ่อ เกลี้ยง โดยให้คติธรรมโรคอื่น ๆ หาหมอพอรักษา ต่โรคชรา หมดทางแก้ไข รรษาที่ 7 หลวงพ่อใช้ได้สอนไว้ เรื่องความตายเป็นธรรมดา สังขารไม่เที่ยงแท้ มีแต่ทรุดโทรม แม้ท่านป่วยยังเอ่ยสอนธรรมธรรมะ หลวงพ่อใช้ท่านมีสติดีไม่หลงลืม ท่านได้กำหนดวันตายไว้ พจถึงตอนปลายปีท่านได้จากไปตามว่าไว้จริง ออกพรรษาจัดงานศพหลวงพ่อใช้ใด้เสร็จครบถ้วน ก่อนตายหลวงพ่อใช้ได้สั่งไว้ว่ามื่อท่านสิ้นแล้วให้ไปพาอาจารย์ชื่น วัดปากบาง ตำบลพงตึก อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบรี ซึ่งอยู่ไมไกลจากวัดคร้อพนันอยู่คนละฝังแม่น้ำ เมื่อหลวงพ่อเกลี้ยงมาถึงวัดปากบางอาจารย์ชื่นได้รับหลวงพ่อเกลี้ยงเป็นศิษย์ เพราะก่อนหน้านั้นได้รับปากหลวงพ่อใช้เอาไว้แล้ว หลวงพ่อเกลึ้ยงได้ศึกษาพุทธาคมจากอาจารย์ชื่น ด้วยความวิรยะ อุตสาหะ อาจารยชี่น ชื่นชมว่าหลวงพ่อ เกลี้ยงเรียนได้ไวเพราะมีพื้นฐูานดีอยู่เล้ว จึงถายทอดวิชาให้ทุกสิงทุกอย่างไม่ปิดบังหลวงพ่อเกลี้ยงได้อยู่รับใช้และศึกษาวิชากับอาจารย์ชื่น ถึง 5 ปี ตั้งแต่พรรษาที่ 8 ถึง 12 เมื่อศึกษาวิชาอาคมจากอาจารย์ชื่นจนจบ ตั้งใจจะลาพระอาจารย์กลับวัดคร้อพนัน ถิ่นบ้านเกิด พอย่างเข้าเดือน 5 ชาวบ้านเขาใหญ ตำบลโคกตะบอง อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากวัดปากบาง ประมาณ 4 กิโลเมตร ได้มาหาอาจารย์ชื่นเพื่อขอพระมาอยู่ดูแลจัดการวัดเขาใหญ่เป็นสมภารเจ้าวัด าจารย์ชื่นเห็นพระเกลี้ยงศิลย์รักของท่านมีความเหมาะสม เชี่ยวชาญเวทย์มนต์คาถา พอที่จะเป็นที่พึงแกชาวบ้านได้ หลวงพ่อชื่นจึงบอกให้ชาวบ้านเขาใหญ่กลับไปก่อน เมื่อถึงกำหนดชาวบ้านเขาใหญ่ได้มานิมนต์หลวงพอเกลี้ยง
ไปเป็นสมภารวัดเขาใหญ่ หลวงพ่อเกลี้ยงจึงได้กับลาอาารย์ชื่น
เมื่อมาถึงวัดเขาใหญ่ ขณะนั้นยังไม่มีพระอุโบสถ มีเพียงกฏิเพียง 2 หลัง หลังจากนั้นหลวงพ่อเกลี้ยงท่านได้มาพัฒนาโดยดำเนินการก่อสร้างเสนาสนะภายในวัด ศาลาการเปรียญ หอระฆัง พระอุโบสถ เมรุฌาปนกิจศพโรงเรียนระบาล ฯลฯ หลวงพอเกลี้ยงอยู่วัดเขาใหญ่ได้ 3 พรรษาโยมพ่อได้ถึงแก่มรณภาพท่านจึงได้กลับมาจัดงานศพที่วัดคร้อพนัน พอเสร็จงานได้กลับวัดเขาใหญในปี พ ศ 2494 สร้างโรงเรียนประชาบาล เพื่อเให้ลูกหลาน ของชาวบ้านเขาใหญ่และหมู่บ้านใกล้เคียงได้เล่าเรียน เพื่อความเจริญก้าวหน้า
พ ศ 2500 สร้าง ศาลาการเปรียญ ศาลาเอนกประสงค์เพื่อประกอบการบุญการกุศลของชาวบ้าน เขาใหญ่ พ ศ 2503 สร้างกุฏิสงฆ์และปีต่อมาได้ขุดสระน้ำ เพื่อวางรากฐานการสร้างพระอุโบสถพอถึงปี พ ศ 2510 โยมเม่ของหลวงพ่อเกลี้ยงได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา หลวงพ่อเกลี้ยงท่านต้องกลับมาจัดงานศพของโยมแม่มที่วัดคร้อพนัน อีกครั้งหนึ่งนับว่าหลวงพ่อเกลี้ยงเป็นผู้มีความกตัญญูรู้คณผู้มีพระคุณ เมื่อโยมบิดามารดาเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านจะมาคอยดูแลรักษาโดยตลอด จนกระทั่งโยมบิดามารดาถึงแก่กรรมท่านก็จัดงานศพโดยเรียบร้อย นอกจากเป็นผู้มีความกตัญญูแล้ว ท่านยังเป็นผู้มีความเมตตาอย่างยิ่ง ต่อผู้มีความเดือดร้อน ด้วยคุณงามความดีทีหลวงพ่อเกลี้ยงได้สร้างสมในปี พ ศ 2515
หลวงพ่อเกลี้ยงได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ที่ พระครูอินทรสรวุฒิคุณ ปี พ ศ 2520 ทางวัดเขาใหญได้จัดงานฉลองพระอโบสถผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต ชึ่งพระอุโบสถนี้หลวงพ่อเกลี้ยงได้ออก แบบก่อสร้างได้อย่างสวยงามมาก ประตูและหน้าต่างพระอุโบสถแกะจากไม้สักลวดลายฉลุเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัต หน้าบรรณพระอุโบสถด้านบนเป็นพระปางนาคปรก ด้านล่าง
พระนารายณทรงโค
หลังจากงานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต หลวงพ่อเกลี้ยงมีสุขภาพอ่อนแอ เนื่องจากตรากตรำงานหนักนับแต่รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดขาใหญ่ ซึ่งการสร้างเสนาสนะภายในวัดหลวงพ่อเกลี้ยงท่านตั้งใจสร้างด้วยความพากเพียร ตัดไม้เอง เลื่อยไม้เอง เมื่อย่างเข้าสู่วัยชราเกิดโรคเเทรกซ้อนเป็นเวลา 1 ปี มีอาการหนัก ลูกศิษยจึงนำท่านส่งโรงพยาบาล แต่อาการมีต่ทรงและทรุดหนักลง หลังจากรักษาอยู่ 1 ปีครึ่ง ลูกศิษย์จึงนำหลวงพ่อเกลี้ยงกลับวัดเขาใหญ่โดยมีลูกศิษย์คอยดูแลปรนนิบัต เเต่ด้วยวัยชราหลวงพ่อเกลี้ยงได้มรณภาพด้วยอาการสงบ ณ วัดเขาใหญ่ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ ศ 2525 คงเหลือแต่ความดีที่ท่านได้สร้างไว้ รวมสิริอายุ 82 ปี 63 พรรษา
ข้อมูลดีๆ อ้างอิงจากหนังสือ กระแสพระ ปีที่ 4 ฉบับที่ 47 เดือนสิงหาคม 2549 ขอบคุณครับ

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ประวัติพระครูอินทรสรวุฒิคุณ (ตอนที่ 1)

ประวัติพระครูอินทรสรวุฒิคุณ (หลวงพ่อเกลี้ยง อินฺทสโร)

พระครูอินทรสรวุฒิคุณ (หลวงพ่อเกลี้ยง อินฺทสโร) มีนามสกุลว่า ครุฑศิริ เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2444 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 1 ค่ำ เดือน 7 ปีฉลู ณ. บ้านเลขที่ 44 หมู่ที่7 ต. ท่าไม้ อ. ท่ามะกา จ. กาญจนบุรี เป็นบุตรของโยมบิดาชื่อ นายเขียว โยมมารดาชื่อนางผิว นามสกุล ครุฑศิริ มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน เป็นชาย 6 คนเป็นหญิง 2 คน โยมบิดามารดามีอาชีพทำนา โดยมีลูกๆทุกคนช่วยกันทำนาอย่างขยันขันแข็ง ครอบครัวของท่านจึงเป็นปึกแผ่น จนมีฐานะดีขึ้นมาเป็นลำดับ จนกระทั่งเมื่อเด็กชายเกลี้ยงมีอายุได้ 14 ปี  ได้เกิดอาการล้มป่วยมีโรคแทรกซ้อน โยมบิดามารดาจึงเที่ยวหาหมอรักษาโรคที่ว่าเก่ง แต่ก็ไม่สามารถรักษาโรคให้หายได้ซักราย โยมบิดามารจึงต้องพึ่งพระหมดวัดคร้อพนัน ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก จึงนำเด็กชายเกลี้ยงมารักษาที่นั่นโดยหวังเป็นที่พึ่งแห่งสุดท้าย แต่ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อใช้ ท่านได้จัดยาแผนโบราณเป็นยาต้ม ให้เด็กชายเกลี้ยงกิน ไม่นานอาการของเด็กชายเกลี้ยงก็หายเป็นปรกติ โยมบิดามารดาจึงถวายเด็กชายเกลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมอยู่รับใช้พระอาจารย์ (หลวงพ่อใช้)
หลวงพ่อใช้ท่านเมตตาช่วยสอนสั่งให้เรียนหนังสือ เขียนอ่านจนแตกฉานทั้งภาษาไทยและภาษาขอม เด็กชายเกลี้ยงเรียนหนังสือได้เก่ง สอนเพียงครั้งเดียวก็จำได้ จึงเป็นที่โปรดปรานของหลวงพ่อใช้ เด็กชายเกลี้ยงได้อยู่รับใช้พระอาจารย์เป็นเวลา 4 ปี จนเติบใหญ่อายุครบ 18 ปี หลวงพ่อใช้จึงได้บวชเณรให้ เพื่อเกื้อหนุนในทางบุญ ศึกษาพระธรรมวินัย และอยู่รับใช้พระอาจารย์จนมีอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ โยมบิดามารดาจึงอุปสมบทให้ด้วยใจศรัทธาในพระพุทธศาสนา
หลวงพ่อเกลี้ยง ได้อุปสมบท ณ. วัดคร้อพนัน โดยนิมนต์ท่านเจ้าประคุณวิสุทธรังสี (หลวงพ่อเปลี่ยน อินฺทสโร) วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อหลิน หลวงพ่อใช้ เป็นพระคู่สวด ได้รับฉายาทางธรรมว่า อินฺทสโร อยู่จำพรรษาแรกที่วัดคร้อพนัน และได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราญจากหลวงพ่อใช้ ซึ่งท่านมีความชำณาญเรื่องว่านยา สมุนไพร โดยได้รับสืบทอดมาจากหลวงพ่อหลินเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดคร้อพนัน ซึ่งท่านเป็นปรมาจารย์ด้านยาแพทย์แผนโบราญที่มีการสืบทอดกันมา
พรรษาที่ 2 ท่านได้ไปศึกษาที่วัดใต้ สอบได้นักธรรมชั้นตรี นอกจากนี้ยังได้ศึกษาพุทธาคมจากหลวงพ่อเปลี่ยน พระอุปัชฌาย์ของท่านโดยหลวงพ่อเปลี่ยนท่านเป็นพระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มแม่น้ำกลอง เชี่ยวชาญทางด้านไสยศาสตร์ วิปัสสนากรรมฐาน พุทธาคมแก่กล้า วัตถุมงคลเหรียญรุ่นแรก เสื้อยันต์ ตระกรุดลูกอมของท่านขลัง มีชื่อเสียงลื่อลั่นเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางจนกระทั่งออกพรรษาจึงได้ลากลับวัดบ้านเกิด
หลวงพ่อเกลี้ยงท่านเป็นพระผู้คงแก่เรียน นอกจากวิชาแพทย์แผนโบราญและพุทธาคมต่างๆที่ท่านได้ร่ำเรียนจากพระอาจารย์แล้ว ท่านยังได้ศึกษาวิชาหวายคาดเอวและหวายมงคลสวมแขน ได้ดั้นดันมาเรียนวิชาหวายกับหลวงพ่อที่วัดสามกระบือเผือก จังหวัดนครปฐม หลวงพ่อเกลี้ยงเรียนสำเร็จและทำได้ขลังไม่แพ้ของอาจารย์  (ยังมีต่อนะครับ)